เว็บไซต์ บล็อก หารายได้จากอะไร เป็นธุรกิจหาเงินที่คุ้มค่าในการลงทุนหรือไม่?


หลายคนที่เข้าเว็บไซต์ต่างๆ ก็อาจเคยสงสัยว่าเว็บไซต์หารายได้จากอะไร แล้วเป็นธุรกิจที่คุ้มค่าจะลงทุนหรือไม่ ในบทความนี้มีคำตอบให้คุณ!

หากคุณพูดถึงเว็บไซต์ใหญ่ๆ อย่าง Google, Facebook, Sanook, Kapook, Pantip ฯลฯ ที่บางเว็บก็เป็นถึงแพลทฟอร์มที่มีคนใช้งานหลักล้านต่อวัน เว็บเหล่านั้นมีคนใช้งานจำนวนมาก จึงสามารถหาเงินจากโฆษณาได้เป็นเรื่องปกติ

แต่รู้หรือไม่ว่าอาชีพอย่าง คนทำเว็บไซท์ ต่อให้เป็นเว็บเล็กๆ คนเข้าหลักพัน หลักหมื่นต่อเดือน ก็สามารถทำเงินได้แล้วเช่นกัน และมีคนทำอาชีพนี้เป็นอาชีพหลักอยู่จำนวนมาก โดยเฉพาะต่างประเทศ หลาย ๆ คนสามารถหาเงินหลักแสนต่อเดือน หรือหลักล้านต่อเดือนได้เลยทีเดียว

เว็บไซต์จะสามารถหารายได้ ได้จาก การโฆษณาบนเว็บไซต์, การโปรโมทสินค้าให้ผู้อื่น, และการขายสินค้าของตัวเอง โดยยิ่งมีคนเข้าเว็บไซต์มากเท่าไหร่ ก็มีโอกาสจะสร้างรายได้มากขึ้นเท่านั้น

มาดูรายละเอียดกันต่อดีกว่า

เว็บไซต์คืออะไร?

เว็บไซต์คือชุดของหน้าเว็บที่สามารถเข้าถึงได้ผ่านการใช้บริการอินเทอร์เนต เพื่อนำเสนอข้อมูลต่างๆ ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าของเว็บไซต์ต้องการนำเสนออะไร อาจเป็นเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูล ขายสินค้า บริการต่างๆ ฯลฯ แล้วแต่จะจินตนาการได้

ในมุมของนักลงทุน เว็บไซต์ถือเป็นสินทรัพย์ทาง Digital ประเภทหนึ่ง ที่สามารถหารายได้ให้คุณได้เช่นกัน โดยคุณสามารถลงทุนได้ด้วยตัวเอง ทำมันขึ้นมาด้วยตัวเอง หรือซื้อ-ขายเว็บไซต์ที่มีรายได้อยู่แล้ว เพื่อทำให้คุณมีแหล่งหารายได้ที่สร้างรายได้ต่อเดือนให้กับคุณได้ โดยที่คุณใช้เวลาในการบริหารจัดการไม่นานนัก ถือเป็น Passive Income ในรูปแบบหนึ่งที่น่าสนใจในการลงทุน

คุณสามารถเริ่มสร้างเว็บไซต์ด้วยตัวเองได้หรือไม่?

การจะเริ่มทำเว็บไซต์ด้วยตัวเอง นั้นไม่ยาก ในความเป็นจริงแล้วคุณสามารถเริ่มต้นได้ง่ายๆ ด้วยการ

1. จดโดเมนของเว็บไซต์

โดเมนคือชื่อของเว็บไซต์ของคุณ เป็นสิ่งที่คนพิมพ์ลงไปในช่องของบราวเซอร์เพื่อเข้าสู่เว็บไซต์ เช่น Gelending.com ก็เป็นชื่อเรียกของเว็บไซต์เรา คุณสามารถตั้งชื่อได้ด้วยแบรนด์ของคุณ หรือจะเป็นอะไรก็ได้ ตามแต่วัตถุประสงค์ โดยสถานที่สำหรับจดโดเมนส่วนใหญ่คือ

  • Godaddy
  • Namecheap
  • Name.com
  • Z.com
  • Bluehost

ฯลฯ โดยราคาจะอยู่ที่ประมาณ 240 – 350 บาทต่อการใช้งาน 1 ปี

2. เช่าโฮสติ้ง

เมื่อมีชื่อแล้ว โฮสติ้งก็เป็นสิ่งที่จำเป็นไม่แพ้กัน โฮสติ้งคือสถานที่ฝากไฟล์นำเสนอข้อมูลเว็บไซต์ของคุณไว้บนเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งจะช่วยให้คนสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ของคุณได้

เรื่องของโฮสติ้งนั้นสำหรับผู้เริ่มต้น ก็อาจจะมองหาผู้ให้บริการที่เหมาะสำหรับมือใหม่ไปก่อนก็ได้อย่าง

หรือบางที เจ้าของผู้ให้บริการโดเมนก็เปิดธุรกิจโฮสติ้งไปด้วยเช่นกัน สำหรับมือใหม่ก็เลือกที่ราคาถูกและคุณภาพดีจากลิสที่เรานำเสนอก็ได้ โดยค่าใช้จ่ายสำหรับโฮสติ้งก็อยู่ที่ประมาณ 150 – 450 ต่อเดือนสำหรับแพคเกจเริ่มต้น แต่หากเว็บไซต์คุณคนเข้าเยอะขึ้น ใช้พื้นที่เยอะขึ้น ค่าโฮสติ้งก็อาจจะสูงขึ้นด้วยก็ได้

ยิ่งในปัจจุบันที่เว็บไซต์มีปัจจัยการแข่งขันกันด้วย “ความเร็ว” แล้วละก็ การลงทุนกับโฮสที่ดีกว่า ก็เป็นสิ่งสำคัญ สำหรับคนทำธุรกิจเว็บไซต์

สำหรับเว็บไซต์ที่เราดูแลทั้งหมด เราเลือกใช้ Cloudways เพื่อช่วยในการแก้ปัญหา และทำให้เว็บไซต์ของเราโหลดได้เร็วมากๆ สนใจอยากลองใช้ Cloudways บ้าง ลองอ่านรีวิว Cloudways จากเราดูก่อนได้ที่นี่

คุณจะสามารถเผยแพร่เรื่องราวต่างๆ ได้อย่างไร?

นำเสนอข้อมูล

หลังจากที่จดโดเมนและเช่าโฮสติ้งแล้ว ทำการเชื่อมต่อกันให้เรียบร้อย คุณก็จะสามารถอัพโหลดไฟล์อะไรก็ได้ลงไปในนั้นแล้วเมื่อคนพิมพ์ชื่อเว็บไซต์ของคุณลงไปในเนตก็จะเจอไฟล์นั้นให้เข้าถึง

แต่นั่นอาจไม่ใช่วิธีที่สวยงามเท่าไหร่ มันจะเหมือนกับการค้นหาไฟล์ในโฟลเดอร์เฉยๆ

หากคุณอยากทำเว็บให้สวยงามและดูมืออาชีพได้ ระบบจัดการเว็บไซต์อย่าง WordPress อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดในปัจจุบัน ด้วยความที่ตัวระบบสามารถออกแบบให้ทำเว็บไซต์ได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเว็บขายของ หรือเว็บบทความ เว็บองค์กร ฯลฯ

WordPress นับเป็นจุดเริ่มต้นชั้นดีสำหรับคนเริ่มทำเว็บไซต์มือใหม่ เพราะข้อแรกเลยคือฟรี! ติดตั้งง่าย ปัจจุบันมีการสอนเยอะ ทำง่ายได้ด้วยตัวเอง มีคู่มือสนับสนุนเยอะ แล้วก็มีภาษาไทยด้วย และถ้าคุณอยากจะออกแบบหน้าตาให้ออกมาสวย ก็มีสิ่งที่เรียกว่า Theme ให้ดาวน์โหลดทั้งฟรี และเสียตังค์ รวมไปถึง Plugin ต่างๆ ที่ ทำให้คุณไม่ต้องเข้าใจภาษาโค้ดดิ้งเลย ก็สามารถทำเว็บไซต์ให้ออกมาสวยงามและมีฟังค์ชั่นต่างๆ ที่เนรมิตได้ตามที่คุณต้องการ!

จะทำเว็บไซต์เกี่ยวกับอะไรดี

การทำเว็บไซต์ควรมีการกำหนดเนื้อหาของเว็บไซต์ โดยการเจาะจงไปยังเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เช่นหากคุณอยากขายเสื้อผ้า คุณก็ทำเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการขายเสื้อผ้า นำเสนอเสื้อผ้าต่างๆ ที่คุณมี วางจำหน่ายเป็นหน้าร้านแบบออนไลน์ให้คนสามารถเข้าถึงได้

หรือหากคุณเป็น Blogger ก็กำหนดเรื่องราวที่คุณสนใจเช่น คุณเป็น Blogger สายกิน ก็ทำคอนเทนต์เกี่ยวกับการกิน คุณเป็น Blogger สายท่องเที่ยว ก็ทำคอนเทนต์สายท่องเที่ยวได้ ไม่มีข้อจำกัด หรือทำคอนเทนต์ที่ช่วยในการแก้ปัญหาชีวิตของมนุษย์ก็เป็นอีกทางออกหนึ่ง แต่การทำคอนเทนต์ต่างๆ จะเป็นสิ่งที่ทำให้คนที่เข้ามาเว็บไซต์ของคุณ ตัดสินใจว่าจะติดตามคุณต่อดีไหม

โดยคุณอาจจะทำเว็บไซต์ควบคู่ไปกับการทำ YouTube หรือเปิดแฟนเพจ Facebook , เพจ Pinterest เพื่อหารายได้ควบคู่กันไป เพราะในปัจจุบันสิ่งที่มีมูลค่าไม่แพ้เงินเลยคือ จำนวนผู้ติดตามของคุณ เราสามารถหารายได้จากสิ่งนี้ได้ นี่แหละคือคำตอบของคำถามที่ว่า เว็บไซต์หารายได้จากอะไร!

จะหาคนเข้าเว็บไซต์ได้จากไหน

ผู้คนมหาศาล

เมื่อคุณมีเว็บไซต์แล้ว วิธีที่จะทำให้คุณหารายได้ก็คือการมีคนเข้ามาเว็บไซต์ของคุณ หรือการมีผู้ติดตามนั่นเอง โดยแบ่งเป็นสี่ช่องทางหลักๆ ที่คนจะเข้ามาเว็บไซต์ของคุณก็คือ

  1. ทางตรง (Direct): ก็คือคนที่เข้าเว็บไซต์มาด้วยการพิมพ์ชื่อเว็บของคุณโดยตรง เช่นพิมพ์ว่า Gelending.com แล้วก็เข้ามาเว็บไซต์ของเรา
  2. แนะนำจากเว็บอื่น (Referral): คือการเยี่ยมชมเว็บไซต์ผ่านลิ้งแนะนำจากเว็บอื่น
  3. โซเชียล (Social): คือการที่มีคนเข้าเว็บไซต์เราผ่านการคลิกลิ้งที่แชร์ในโซเชียล เช่น Facebook YouTube Pinterest
  4. การค้นหาในกูเกิล(Organic Search): เมื่อมีคนสนใจค้นหาอะไรแล้วพิมพ์หาในกูเกิล แล้วมาเจอเว็บเราที่แสดงในผลการค้นหาในเว็บไซต์

ทั้งสี่รูปแบบนี้ก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป แต่แหล่งคนเข้าเว็บไซต์ที่ค่อนข้างยั่งยืน และเป็น Passive Income ให้กับเราได้ก็คือ การค้นหาจาก Google เพราะพอคุณติดอันดับในหน้าแรก Google แล้ว ก็จะมีคนเข้าเว็บคำนั้นมาตลอดๆ

ลองจินตนาการถึงคำที่มีคนค้นหาต่อเดือนมากๆ อย่างคำว่า หวย ที่มียอดค้นหาไม่ต่ำกว่าหลักล้านต่อเดือน แล้วเว็บคุณเป็นอันดับแรกของคำนั้น คุณจะหารายได้ได้มากแค่ไหน!

ช่องทางหารายได้ของเว็บไซต์

หารายได้

มีสามวิธีหลักๆ ด้วยกันที่เว็บไซต์จะสามารถหารายได้ ก็คือ

โฆษณาบนเว็บไซต์

โฆษณาบนเว็บไซต์ ก็คือแบนเนอร์ต่างๆ ที่ติดอยู่บนเว็บไซต์โดยอย่างของเว็บเราก็มีการแสดงโฆษณาให้คุณเห็น โดยรายได้จะเกิดเมื่อมีคนคลิกโฆษณา หรือบางครั้งแค่มีการแสดงโฆษณาก็จะได้รับรายได้แล้ว ซึ่งวิธีการจัดการก็ไม่ยาก ยิ่งถ้าคุณใช้ WordPress ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่

หากคุณต้องการให้เว็บไซต์ของคุณมีโฆษณาบ้าง แบบไม่ต้องจัดการเองให้ยุ่งยาก ก็ขอแนะนำผู้ให้บริการดังต่อไปนี้

  • Ezoic – สำหรับเว็บไซต์ที่มียอดคนเข้า 10,000 คนต่อเดือนขึ้นไป รายได้ดีกว่า Adsense ประมาณ 1.5 – 2 เท่า
  • Adsense – บริการโฆษณาสุดคลาสสิคจาก Google สำหรับเว็บไซต์ทุกขนาด รวมไปถึง YouTube หรือแอพด้วย ไม่ได้มีขั้นต่ำว่าต้องมีคนเข้าเว็บเท่าไหร่ แต่เว็บไซต์ต้องคุณภาพ ไม่ผิดกฏหมาย และไม่คัดลอกบทความผู้อื่นมา

โปรโมทสินค้าให้ผู้อื่น

ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่น่าสนใจคือการโปรโมทสินค้าให้ผู้อื่นแล้วรับค่าคอมมิชชั่น จากการที่มีคนคลิกไปยังลิ้งสินค้านั้นๆ แล้วซื้อผ่านเรา โดยค่าคอมมิชชั่นที่ได้ มีตั้งแต่ 0.5% – 20% ของราคาสินค้านั้นๆ !

  • Involve Asia สำหรับคนที่อยากโปรโมทสินค้าจาก Lazada Shopee หรือเว็บไซต์อื่นๆ ที่นี่มีให้เลือกเยอะมาก โปรโมทผ่านเว็บก็ได้ YouTube ก็ได้ หรือแฟนเพจของคุณก็ได้!

ขายสินค้าของตัวเอง

วิธีหาเงินที่คุณจะได้รับเงินของตัวเองแบบเต็มๆ ที่สุด คือการขายสินค้าหรือบริการของตัวเอง อาจเป็น

  • สินค้าจริงๆ แทนที่จะไปวางขายที่ตลาด ก็เอามาขายออนไลน์
  • E-Books
  • คอร์สเรียนออนไลน์

อื่นๆ อีกมากมาย การที่คุณมีเว็บไซต์ขายของๆตัวเอง คุณสามารถดึงดูดคนเข้าได้จากหลายทาง อีกทั้งยังไม่ต้องไปเสียค่าวางสินค้าต่างๆ และยิ่งคุณหาคนมาเข้าเว็บไซต์ได้มากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งมีรายได้มากขึ้นเท่านั้น!

เหตุผลอะไรที่คุณควรทำเว็บไซต์ของตัวเอง

สำหรับใครที่อ่านมาถึงข้อนี้แล้วอยากรู้ว่าเหตุผลอะไรที่คุณควรทำเว็บไซต์ของตัวเอง ก็ลองดูดังต่อไปนี้

เว็บไซต์สร้าง Passive Income ได้เร็วกว่าการทำธุรกิจแบบอื่นๆ

เมื่อเทียบกับการทำธุรกิจร้านค้า หรือธุรกิจแบบอื่นๆ เว็บไซต์สามารถกลายเป็น รายได้แบบ Passive Income ให้คุณได้ในระยะเวลาอันสั้น โดยอาจจะใช้เวลาแค่ 6 เดือน – 1 ปี ในการสร้างเว็บไซต์ให้มีรายได้แบบยั่งยืน ในขณะที่การลงทุนทำธุรกิจอื่น อาจใช้เวลามากกว่านั้น

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เว็บไซต์ก็ต้องอาศัยความรู้หลายๆ ศาสตร์เข้าด้วยกัน ซึ่งก็คอยติดตามเว็บไซต์ Gelending.com ของเราไว้ก็ได้ จะมีมาเขียนถึงเรื่องราวการหารายได้ด้วยเว็บไซต์เพิ่มเติม หรือเซฟหน้านี้เก็บไว้เลย!

คุณสามารถเข้าถึงคนจำนวนมหาศาลได้

ธุรกิจบนโลกปัจจุบันและอนาคต สิ่งที่คนกำลังแย่งกันคือจำนวนคนที่มาใช้งาน และเวลาที่ใช้งาน เว็บไซต์ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำเช่นนั้นได้

หากคุณไปดูบริษัท Top 10 ของโลกในปัจจุบัน ก็เป็นสินค้าที่คนต้องใช้งานทุกวันอยู่แล้ว Facebook , Google, Apple ล้วนแข่งขันกันเพื่อแย่งเวลาของแต่ละคน เพื่อที่จะมีเวลาได้นำเสนอโฆษณา สินค้า และบริการของตัวเองให้กับผู้คนได้นานที่สุด และมีเวลาทำเงิน

คือเราไม่จำเป็นต้องทำอะไรให้ยิ่งใหญ่ถึงขนาดนั้น (แต่ถ้าทำได้ก็ดี) แค่การมีเว็บไซต์ที่คนเข้าประมาณ 10,000 – 100,000 คนต่อเดือน ก็เป็นรายได้เสริมให้คุณมีใช้จ่ายเพิ่มเติมได้แล้ว!

มีคนใช้อินเทอร์เนตเพิ่มมากขึ้นทุกวัน

ในทุกๆ ปีจะมีคนเข้าถึงอินเทอร์เนตได้มากขึ้น และนั่นคือโอกาสในการทำเงินของเรา ยิ่งหากคุณทำเว็บไซต์ในภาษาสากลอย่าง อังกฤษ ได้ โอกาสที่คนจะเข้าถึงข้อมูลจากแค่หลักสิบล้าน ก็จะเพิ่มเป็นร้อยล้านได้!

จนถึงตอนนี้หากคุณอยากเริ่มหารายได้ด้วยเว็บไซต์ในปีนี้ อาจจะถูกมองว่าสายเกินไป แต่มันก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น มีคนที่เพิ่งเริ่มทำธุรกิจเว็บไซต์ในปีที่แล้ว และทำรายได้หลักแสนต่อเดือนได้แค่ในระยะเวลาปีเดียวก็มี นี่อาจเป็นธุรกิจที่คุ้มค่าในการลงทุน ลงแรงก็ได้!

IncomeSpire.com

IncomeSpire.com คือการรวมตัวของกลุ่มคนที่เชื่อว่า ความมั่งคั่ง สามารถสร้างได้จริง โดยชื่อเว็บไซต์ของเรามาจากคำว่า Income ซึ่งแปลว่า รายรับหรือเงินได้ ผสมกับคำว่า Inspire ที่แปลว่า แรงบันดาลใจ เมื่อรวมกันแล้วจึงทำให้เป็นคำที่มีความหมายที่พวกเราคิดเอาเองว่า "สร้างแรงบันดาลใจให้การสร้างรายได้"

บทความก่อนหน้า