อยากสมัครบัตรเครดิต แต่ยังไม่รู้จะเลือกใบไหนดี จะสมัครอย่างไร หรืออยากรู้ว่าบัตรเครดิตใช้ยังไง หาคำตอบได้ในบทความนี้

เนื้อหา
เราได้รับค่าคอมมิชชั่นหากคุณคลิกที่ลิงค์สมัครและทำการสมัครบัตรโดยไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมให้กับคุณ
บัตรเครดิตที่ดีที่สุดในปี 2021
บัตร Citi Cash Back Platinum
สุดยอดบัตรเครดิตเงินคืนที่ดีที่สุด ให้คุณได้รับเครดิตเงินคืนทุกครั้งที่มีการจ่ายผ่านบัตรฯ บัตรใบนี้เป็นเครดิตเงินคืนที่ได้รับการยอมรับจากหลายๆ เสียงจาก Pantip หรือช่องทางอื่นๆ แล้วว่าเป็นใบที่ดีที่สุด เหมาะสำหรับเป็นบัตรใบแรกของคุณ เป็นบัตรเครดิตสำหรับเด็กจบใหม่ หรือจะทำงานมานานแล้วแต่ยังไม่เคยมีบัตร ก็ต้อง Cash Back Platinum ใบนี้ละ
สิทธิประโยชน์เด่น
- เครดิตเงินคืน 11% ที่รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน และคาเฟ่ อเมซอน (ระยะเวลา 1 ม.ค.63 – 31 ธ.ค.63)
- เครดิตเงินคืน 5% ที่ Grab ร้านบู๊ทส์ และร้านวัตสัน (ระยะเวลา 1 ม.ค.63 – 31 ธ.ค.63)
- เครดิตเงินคืน 1% จากยอดใช้จ่ายอื่นๆ ยอดทั่วไปที่ไม่เข้าร่วมรายการโปรโมชั่น
- ยิ่งเติม ยิ่งได้คืน 1% ที่ปั๊มน้ำมันเชลล์ทุกสาขาทั่วประเทศ เมื่อมียอดใช้ครบทุก 800 บาท/เซลส์สลิป ลงทะเบียนเพื่อรับเครดิตเงินคืน (ระยะเวลา 1 ม.ค.63 – 31 มี.ค.64)
จุดเด่นอื่นๆ ที่ทำให้ Cash Back Platinum น่าสนใจ
- วงเงินบัตร 2 – 5 เท่าของรายได้
- ระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย 55 วัน จ่ายขั้นต่ำ 5 % ก็ได้
- ฟรีค่าธรรมเนียมเมื่อใช้งานครบ 60,000 บาทในรอบปีนั้นๆ
- ดอกเบี้ย 16% ต่อปี (คำนวนจากวันที่บันทึกรายการ)
- รับเครดิตเงินคืนทุกรอบบัญชี
เงื่อนไขการสมัคร
- ผู้สมัครบัตรหลักอายุ 20ปี ขึ้นไป บัตรเสริม 15 ปีขึ้นไป
- รายได้ 20,000 บาทต่อเดือน
- ทำงานประจำ หรือข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือเจ้าของกิจการ
- สมัครได้ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย
เอกสารที่ใช้ในการสมัคร
สำเนาบัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้าน, หนังสือรับรองรายได้/สลิปเงินเดือน เดือนล่าสุด, สำเนาบัญชีส่วนตัวย้อนหลัง 6เดือน หรือ สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท/หจก. ย้อนหลังไม่เกิน 6เดือน
บัตรเครดิตที่ดีที่สุด ในแต่ละประเภท
บัตรเครดิตประเภทเงินคืน
บัตรเครดิต ไทเทเนี่ยม ธนาคารกรุงเทพ
สำหรับบัตรเครดิต ไทเทเนี่ยม ของธนาคารกรุงเทพนี้ ก็ต้องบอกเลยว่าเป็น Cashback ที่โหดมากๆ เพราะว่าคืนเงินสูงถึง 2% ของทุกยอดเงินในเบื้องต้น โดยยังไม่รวมโปรโมชั่นเสริมอื่นๆ ที่จะมีตามมาอีกด้วย สำหรับใครที่ชอบเงินคืน ทานอาหาร ชอปปิ้งและใช้บัตรเครดิตเงินคืนหนักอยู่แล้ว บัตรใบนี้คุ้มค่ามากๆ
จุดเด่นอื่นๆ ที่ทำให้ บัตรเครดิต ไทเทเนี่ยม ธนาคารกรุงเทพ น่าสนใจ
- วงเงินบัตร 2 – 5 เท่าของรายได้
- ระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย 45 วัน จ่ายขั้นต่ำ 5 % ก็ได้
- ฟรีค่าธรรมเนียมเมื่อใช้งานครบ 5,000 บาทในรอบปีนั้นๆ
- ดอกเบี้ย 16% ต่อปี (คำนวนจากวันที่บันทึกรายการ)
- รับเครดิตเงินคืนทุกรอบบัญชี
เงื่อนไขการสมัคร
- ผู้สมัครบัตรหลักอายุ 20ปี ขึ้นไป บัตรเสริม 15 ปีขึ้นไป
- รายได้ 20,000 บาทต่อเดือน
- ทำงานประจำ หรือข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือเจ้าของกิจการ
เอกสารที่ใช้ในการสมัคร
สำเนาบัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้าน, หนังสือรับรองรายได้/สลิปเงินเดือน เดือนล่าสุด, สำเนาบัญชีส่วนตัวย้อนหลัง 6เดือน หรือ สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท/หจก. ย้อนหลังไม่เกิน 6เดือน
บัตรเครดิต KTC Cash Back Visa Platinum
สำหรับใครที่อยากมีบัตรเครดิตเงินคืน โดยที่มีรายได้อยู่ที่ 15,000 บาทต่อเดือน หรือเด็กจบใหม่ KTC Cash Back Visa Platinum เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจที่คุณสามารถสมัครได้เลย รับเครดิตเงินคืนกลับเข้าบัญชีสูงสุด 0.8% ทุกครั้งที่ใช้ (เริ่มต้นที่ 0.4%) และฟรีทั้งค่าธรรมเนียมแรกเข้า รายปีแบบไม่มีเงื่อนไข โดยสำหรับโปรโมชั่นเสริมอื่นๆ ของบัตรเครดิตเงินคืนใบนี้ สามารถติดตามอัพเดทได้ที่นี่
จุดเด่นอื่นๆ ที่ทำให้ บัตรเครดิต KTC Cash Back Visa Platinum น่าสนใจ
- วงเงินบัตร 2 – 5 เท่าของรายได้
- ระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย 45 วัน จ่ายขั้นต่ำ 5 % ก็ได้
- ฟรีค่าธรรมเนียมแบบไม่มีเงื่อนไข
- ดอกเบี้ย 16% ต่อปี (คำนวนจากวันที่บันทึกรายการ)
- รับเครดิตเงินคืนทุกรอบบัญชี
เงื่อนไขการสมัคร
- ผู้สมัครบัตรหลักอายุ 20ปี ขึ้นไป บัตรเสริม 15 ปีขึ้นไป
- รายได้ 15,000 บาทต่อเดือน
- ทำงานประจำ หรือข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือเจ้าของกิจการ
เอกสารที่ใช้ในการสมัคร
สำเนาบัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้าน, หนังสือรับรองรายได้/สลิปเงินเดือน เดือนล่าสุด, สำเนาบัญชีส่วนตัวย้อนหลัง 3เดือน หรือ สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท/หจก. ย้อนหลังไม่เกิน 3เดือน
บัตรเครดิตประเภทสะสมแต้ม
บัตรเครดิต ซิตี้ รีวอร์ด
บัตรสะสมแต้มที่แต้มไม่มีวันหมดอายุ ทั้งยังมีสิทธิพิเศษมากมายให้กับคุณเมื่อใช้บัตรผ่านร้านค้าที่ร่วมรายการ หากใครชอบบัตรสะสมแต้มมากกว่า ก็สามารถเลือกบัตรใบนี้ได้ รวมถึงหากในกรณีที่ไม่รู้จะแลกคะแนนไปกับอะไร ยังมีตัวเลือกเปลี่ยนคะแนนสะสมเป็นเครดิตเงินคืนได้อีกด้วย
สิทธิประโยชน์เด่น
- รับคะแนนสะสมซิตี้ รีวอร์ด 5 เท่า เมื่อใช้ที่ Lazada Shopee Rabbit LINE Pay และในหมวดร้านอาหาร ท่องเที่ยว และ ใช้จ่ายด้วยสกุลเงินต่างประเทศ
- รับคะแนนสะสมซิตี้ รีวอร์ด 2 เท่า สำหรับยอดอื่นๆ
- รับคะแนนสะสมซิตี้ รีวอร์ด 7 เท่า ในเดือนเกิด เมื่อใช้ที่ร้านค้าหรือ หมวดข้างต้น
- รับคะแนนสะสมซิตี้ รีวอร์ด 5 เท่า ในหมวดท่องเที่ยว รับเพิ่มคะแนนสะสมซิตี้ 5,000 คะแนน เมื่อใช้ที่ร้านค้าหรือ หมวดข้างต้นครบ 150,000 บาท/ไตรมาส
- รับเครดิตเงินคืน 2% ที่ปั๊มน้ำมันเชลล์ทุกสาขาทั่วประเทศ เมื่อมียอดใช้ครบทุก 800 บาท/เซลส์สลิป
จุดเด่นอื่นๆ ที่ทำให้ Citi Rewards น่าสนใจ
- วงเงินบัตร 2 – 5 เท่าของรายได้
- ระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย 55 วัน จ่ายขั้นต่ำ 5 % ก็ได้
- ฟรีค่าธรรมเนียมเมื่อใช้งานครบ 100,000 บาทในรอบปีนั้นๆ
- ดอกเบี้ย 16% ต่อปี (คำนวนจากวันที่บันทึกรายการ)
เงื่อนไขการสมัคร
- ผู้สมัครบัตรหลักอายุ 20ปี ขึ้นไป บัตรเสริม 15 ปีขึ้นไป
- รายได้ 20,000 บาทต่อเดือน
- ทำงานประจำ หรือข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือเจ้าของกิจการ
- สมัครได้ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย
เอกสารที่ใช้ในการสมัคร
สำเนาบัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้าน, หนังสือรับรองรายได้/สลิปเงินเดือน เดือนล่าสุด, สำเนาบัญชีส่วนตัวย้อนหลัง 6เดือน หรือ สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท/หจก. ย้อนหลังไม่เกิน 6เดือน
บัตรเครดิต วีซ่า แพลทินัม ธนาคารกรุงเทพ
สะสมแต้ม สะสมไมล์ได้ในบัตรเดียว บัตรสะสมแต้มยอดนิยมจากธนาคารกรุงเทพที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่เป็นคุณ ไม่ว่าจะเป็นผู้ชอบเดินทาง ร้านอาหาร ท่องเที่ยว ช้อปปิ้ง สุขภาพ ความงาม และกีฬา บัตรใบนี้ให้คุณได้หมด
สิทธิประโยชน์เด่น
- สะสมไมล์เดินทาง คะแนนสะสมสามารถแลกเป็นไมล์เดินทางจากสายการบินชั้นนำในอัตรา
- 1. การบินไทย 2 คะแนนต่อ 1 ROP Mile
- 2. บางกอกแอร์เวย์ส 1,500 คะแนนต่อ 500 FlyerBonus
- 3. แอร์เอเชีย1 คะแนนต่อ 1 BIG Point
- สิทธิประโยชน์เพิ่มเติม ดูโปรโมชั่นได้ที่นี่
จุดเด่นอื่นๆ ที่ทำให้ วีซ่า แพลทินัม ธนาคารกรุงเทพ น่าสนใจ
- วงเงินบัตร 2 – 5 เท่าของรายได้
- ระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย 45 วัน จ่ายขั้นต่ำ 5 % ก็ได้
- ฟรีค่าธรรมเนียมเมื่อใช้งานครบ 5,000 บาทในรอบปีนั้นๆ
- ดอกเบี้ย 16% ต่อปี (คำนวนจากวันที่บันทึกรายการ)
เงื่อนไขการสมัคร
- ผู้สมัครบัตรหลักอายุ 20ปี ขึ้นไป บัตรเสริม 15 ปีขึ้นไป
- รายได้ 20,000 บาทต่อเดือน
- ทำงานประจำ หรือข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือเจ้าของกิจการ
- สมัครได้ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย
เอกสารที่ใช้ในการสมัคร
สำเนาบัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้าน, หนังสือรับรองรายได้/สลิปเงินเดือน เดือนล่าสุด, สำเนาบัญชีส่วนตัวย้อนหลัง 6เดือน หรือ สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท/หจก. ย้อนหลังไม่เกิน 6เดือน
บัตรเครดิตทำงานอย่างไร ใช้อย่างไรให้เกิดประโยชน์
สำหรับคนที่ไม่เคยใช้บัตรมาก่อน การทำงานของบัตรก็คือ เมื่อคุณใช้บัตรเครดิต คุณกำลังยืมเงินมาใช้ซื้อบางสิ่ง และหลังจากนั้นคุณต้องคืนเงินที่ยืมมาใช้ และต้องคืนในระยะเวลาที่กำหนด (ส่วนมาก 30 – 45 วัน) หากคืนไม่เต็มจำนวนหรือคืนช้ากว่านั้นก็จะเกิดดอกเบี้ยขึ้น และคุณต้องจ่ายเพิ่มมากขึ้นนั้นเอง
วิธีใช้บัตรเครดิตโดยทั่วไป
- คุณรูดบัตร หรือกรอกบัตรออนไลน์ – เมื่อคุณต้องใช้จับจ่ายซื้อสิ่งของต่างๆ คุณก็แค่รูดบัตรตามร้านค้า หรือหากเป็นออนไลน์ก็ผูกกับบริการอย่าง Paypal หรือ Google Pay หรือไม่ก็กรอกลงฟอร์มในหน้าชำระเงินสินค้า
- การซื้อขายเริ่มมีการตรวจสอบในระบบ – เครื่องชำระเงินก็จะเชื่อมต่อเข้าสู่ฐานข้อมูลบริษัทบัตรของคุณ เพื่อตรวจสอบยืนยันยอดใช้และรายละเอียดต่างๆ
- ร้านค้าได้รับเงินของคุณ – ตัวบริษัทได้มีการจ่ายเงินจากยอดเครดิตของคุณไปยังร้านค้า และการซื้อขายเสร็จสิ้น
- การซื้อขายเสร็จสิ้น – คุณได้รับสินค้า ร้านค้าได้รับเงิน รายการจ่ายถูกบันทึกเข้าในระบบ และเมื่อสิ้นเดือนก็จะถึงเวลาที่คุณชำระเงินให้กับบัตรเครดิต หากผิดค้างชำระ ก็จะมีดอกเบี้ยค่าปรับเพิ่มขึ้น
นี่คือรูปแบบการทำงานของบัตร ซึ่งบัตรเครดิตทุกใบในโลกก็ทำงานแบบนี้ นี่คือเคล็ดลับใช้งานบัตรเครดิตที่เรานำมาฝาก
- เลือกบัตรเครดิตที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณที่สุด เพื่อให้เกิดประโยชน์กับตัวเองมากที่สุด
- ตรวจสอบโปรโมชั่นบัตร ข้อมูลในการสะสมแต้มของบัตรแต่ละประเภท ซึ่งรายละเอียดสามารถหาอ่านได้กับเอกสารการสมัครหรือในเว็บไซท์ของทางบริษัทอยู่แล้ว ตรงนี้สำคัญมาก เพราะว่าถ้าใช้ให้ดี จะคุ้มมากๆ
- จ่ายหนี้เต็มจำนวนเสมอ จ่ายก่อนถึงวันที่จะครบกำหนดก็ได้ เพื่อไม่ให้เกิดการคิดดอกเบี้ยขึ้น
- คุณสามารถฝากเงินไว้กับบัตรเครดิตก็ได้ ด้วยการจ่ายเงินเพิ่มเข้าไป ซึ่งจะช่วยเพิ่มวงเงินของคุณในบัตรให้สูงขึ้นชั่วคราวได้ (ตามเงินที่ฝากเข้าไป)
- ค่าธรรมเนียมบัตร ขอฟรีได้ หากมียอดใช้จ่ายรายปีเกินกว่าที่บัตรแต่ละใบกำหนด ปรึกษากับคอลเซนเตอร์ได้เลย
- เมื่อเกิดหนี้มาก จนไม่แน่ใจว่าจะผ่อนไหวไหม สามารถปรึกษากับคอลเซนเตอร์ของบริษัทก่อนได้ เพื่อหาทางไกล่เกลี่ยเจรจา
- สงสัยข้อมูลอะไร ถามคอลเซนเตอร์เพิ่มเติม อย่าลืมว่าคุณเป็นลูกค้า ไม่ใช่ลูกหนี้ ดังนั้นคอลเซนเตอร์ใจดีกับคุณอยู่แล้ว แต่ไม่ควรไปใจร้ายกับเขาก่อนนะ
วิธีเลือกบัตรเครดิต ใบที่เหมาะสมกับคุณ
การเลือกบัตรเครดิต สำหรับคนที่ยังไม่เคยมีบัตรเครดิตใบแรก อาจเป็นเรื่องที่ตัดสินใจยาก เพราะในท้องตลาดมีบัตรให้เลือกหลายใบ และมีสิทธิประโยชน์ที่ดีแตกต่างกัน อีกทั้งการเปลี่ยนบัตรเครดิตแต่ละใบยังทำได้ยาก เพราะอาจต้องใช้ไปก่อนสักหนึ่งปีให้ครบเงื่อนไขการจ่ายค่าธรรมเนียม
และนี่คือ 6 ข้อที่เป็นเคล็ดลับในการเลือกบัตรเครดิตของคุณ
1. ดูว่าคุณใช้บัตรเครดิตเพื่ออะไร
ก่อนอื่นเลย เมื่อทำการเลือกบัตรเครดิต สิ่งแรกที่ควรคิดคือคุณจะใช้มันเพื่ออะไร ไม่ว่าจะเป็นใช้งานทั่วไป, หรือการนำไปใช้เป็นส่วนลดพิเศษต่างๆ เช่น มีการเดินทาง BTS, Grab ค่อนข้างบ่อย, Shopping สินค้าในห้างบ่อย ฯลฯ
ในกรณีอย่างใช้งานทั่วไป สิ่งที่ควรคำนึงถึงคือ การมองหาบัตรเครดิตที่ดอกเบี้ยต่ำที่สุด หรือมอบเครดิตเงินคืนคุ้มค่าที่สุด เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ช้งาน หรือหากในกรณีที่ใช้งานในส่วนไหนบ่อยๆ ก็เลือกบัตรที่มอบผลประโยชน์คุ้มค่าที่สุดให้กับไลฟ์สไตล์ส่วนนั้น
2. ตรวจสอบพฤติกรรมใช้จ่ายของคุณ
การถือครองบัตร จะทำให้คุณสามารถจัดการค่าใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น เพราะสามารถใช้บัตรใบเดียวก็จ่ายแทนได้เกือบจะทุกอย่างแล้ว รวมไปถึงการมีเครดิตเงินที่สามารถลิมิทไว้ได้ ช่วยให้คุณจัดการค่าใช้จ่ายต่อเดือนได้ดี ดังนั้นก่อนทำบัตรใบแรก ควรนำบัญชีรายรับรายจ่ายย้อนหลังมาดูว่าคุณใช้เงินไปกับอะไร
- การท่องเที่ยว จ่ายค่าที่พัก โรงแรม หรือตั๋วเครื่องบินบ่อยๆ
- จ่ายค่าน้ำมัน
- ร้านอาหาร
- ใช้ในการทำธุรกิจ
- ซื้อของในซุปเปอร์มาร์เกตเข้าบ้าน
บัตรแต่ละใบก็มีโปรโมชั่นของแต่ละอย่างต่างกัน คุณก็ดูว่าคุณใช้เงินไปกับอะไรบ้าง เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับโปรโมชั่นของแต่ละบัตร และหาบัตรที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์การใช้จ่ายของคุณที่สุด
มีค่าใช้จ่ายเยอะ ต้องลองอ่านบทความเหล่านี้
- หารายได้เสริมด้วย 17 งานที่สามารถทำออนไลน์ได้ หาเงินออนไลน์ ได้เงินจริง
- วิธีเก็บเงิน ให้ได้ตามเป้าหมาย ใน 1 เดือน , วิธีเก็บเงินในแบบฉบับของนักเรียนประถม ที่คุณอาจจะเอามาใช้ได้
3. เลือกดูว่า Credit Card สไตล์ไหนเหมาะกับคุณ
- บัตรผ่อน 0% สำหรับใช้ผ่อนสินค้าในเรทดอกเบี้ยที่ต่ำ เพื่อช่วยควบคุมการใช้จ่ายเมื่ออยากได้ของราคาสูงแต่ไม่อยากจ่ายในทีเดียว
- บัตรเงินคืน ( Cashback Card ) บัตรประเภทเครดิตเงินคืน สำหรับคนที่อยากได้ยอดเงินคืนมาเลย ไม่ต้องสะสมแต้ม เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนของคุณได้
- บัตรสำหรับนักท่องเที่ยว หากคุณเป็นคนที่เดินทางบ่อย แทบทุกเดือนมีการเดินทาง อยากสะสมแต้ม สะสมไมล์ การเลือกใช้บัตรแบบนี้จะมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ดีกับคุณมากขึ้น มอบสิทธิประโยชน์ให้คุณทุกครั้งที่มีการเดินทาง
- บัตรสำหรับทำธุรกิจ ในกรณีที่มีการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หรือใช้ซื้อขายทำธุรกิจ บัตรประเภทนี้ก็จะช่วยลดค่าใช้จ่าย และมอบเรทค่าเงินที่ดีให้กับคุณที่สุด
หลังจากเลือกบัตรได้แล้ว ทีนี้ก็มาดูว่าเจ้าไหนให้ผลประโยชน์ดีที่สุดกันต่อ
4. ศึกษาเงื่อนไขการใช้จ่าย และค่าธรรมเนียมให้ดี
มีหลายข้อมูลที่คุณควรรู้เพิ่มขึ้นเมื่อทำ Credit Card นี่เป็นข้อมูลคร่าวๆ แต่ทางที่ดีควรอ่านรายละเอียดทุกตัวอักษรให้ครบก่อนสมัคร หรือปรึกษากับ Call Center เพื่อช่วยเหลือระหว่างการใช้บัตรได้เสมอ
- ดอกเบี้ย แน่นอนว่านี่คือการขอสินเชื่อกู้ยืมเงินมาใช้ก่อนในรูปแบบนึง ดังนั้นควรศึกษาให้ดีว่ามีวิธีคิดดอกเบี้ยอย่างไร
- คะแนนสะสม Rewards ดูว่าคุณจะได้คะแนนเมื่อใช้บัตรไปกับอะไร อย่างไรบ้าง หรือทางที่ดีควรไปดูว่าในระบบของแต่ละเจ้ามี Rewards อะไรให้แลกบ้าง
- การจ่ายเงินขั้นต่ำ ในกรณีที่หมุนเวียนเงินมาใช้ไม่ทัน การจ่ายบัตรด้วยการจ่ายขั้นต่ำไปก่อนก็สามารถทำได้ โดยส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 10% ของยอดวงเงินทั้งหมด
- ค่าธรรมเนียมมีอะไรบ้าง ตรวจสอบค่าธรรมเนียมว่าจะเสียเงินไปกับอะไรบ้าง โดยบางทีทุกครั้งก่อนรูดบัตร ควรถามร้านค้าด้วย เพราะร้านค้ามักมีการชาร์จค่าธรรมเนียมเพิ่มต่างหาก
- ค่าธรรมเนียมรายปี การใช้บัตรต่างๆล้วนมีค่าธรรมเนียม แต่บางกรณีก็ขอค่าธรรมเนียมฟรีได้ ปรึกษากับเจ้าหน้าที่ Call Center หรือ Sales ได้ก่อนสมัคร
- โบนัสสมาชิกใหม่ แน่นอนว่าบัตรแต่ละใบก็มีโปรโมชั่นที่มอบให้ต่างกัน บางโปรโมชั่นก็ดึงดูดใจมาก ดังนั้นก็ศึกษาให้ดีว่าคุ้มค่าไหม
5. ตรวจสอบเงื่อนไขในการสมัคร
เอาหละ คุณอาจจะเจอบัตรในดวงใจที่อยากสมัครแล้ว โปรโมชั่นที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่สุด แต่ทีนี้ต้องมาดูกันก่อนว่าคุณสามารถสมัครบัตรใบนั้นได้หรือไม่ โดยส่วนใหญ่ สิ่งที่เป็นเงื่อนไขในการสมัครคือ
- ทำงานประจำ ข้าราชการ หรือทำธุรกิจส่วนตัว เป็นฟรีแลนซ์
- รายได้ต่อเดือน
- มีเครดิทบูโรเป็นอย่างไร
นี่คือเงื่อนไขคร่าวๆที่จะทำให้คุณสมัครบัตรใบนึง ผ่านหรือไม่ผ่าน ดังนั้นอ่านรายละเอียดก่อน โดยเมื่อตัดสินใจสมัครบัตรแล้ว จะมี Sales ขอเอกสารและข้อมูลเพิ่มเติมจากคุณเอง
6. สมัครและรอผลการอนุมัติ
ขั้นตอนสุดท้ายคือการสมัคร ยื่นเอกสารต่างๆให้กับบริษัท และรอผลการอนุมัติ โดยปกติหากคุณอยู่ในเงื่อนไขที่ทางบริษัทและบัตรแต่ละใบรับอยู่แล้ว ก็จะรอผลไม่นาน และจะได้บัตรเครดิตมาใช้ในระยะเวลา 5 – 7 วันทำการเท่านั้น